ตรวจสุขภาพ ผู้สูงอายุ ที่ควรรู้
1. ตรวจความดันโลหิต
ทุก หนึ่งในสาม ของคนที่มีความดันโลหิตสูง จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง ( จากข้อมูลของกรมควบคุมและป้องกันโรค (CDC))
โดยผู้ชาย 64 เปอร์เซ็นต์และผู้หญิง 69 เปอร์เซ็นต์อายุระหว่าง 65-74 ปีเป็นโรคความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูงมักถูกเรียกว่า“ นักฆ่าเงียบ” เพราะอาการอาจไม่ปรากฏจนกว่าจะสายเกินไป มันเพิ่มความเสี่ยงของคุณสำหรับโรคหลอดเลือดสมอง หรือหัวใจวาย นี่คือเหตุผลที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบความดันโลหิตของคุณอย่างน้อยปีละครั้ง
2. ตรวจระดับไขมันในเลือด
ระดับคลอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดสมอง หากผลตรวจไขมันในเลือดของคุณอยู่ในระดับสูง แพทย์จะแนะนำอาหาร การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดิน หรือพิจารณาเริ่มยา เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรค
3. การตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่
หลังจากอายุ 50 แล้วคุณควรได้รับการส่องกล้องตรวจทุก ๆ 10 ปี และคุณควรให้พวกมันบ่อยขึ้นถ้าพบติ่งเนื้อหรือถ้าคุณมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
นอกจากนี้ การตรวจร่างกายทวารหนัก สามารถตรวจหา ก้อนเนื้อบริเวณทวารหรือ ลำไส้ใหญ่ส่วนล่างได้ ในขณะที่ การตรวจด้วยการส่องกล้อง สามารถตรวจสแกนลำไส้ได้ทั้งหมด
มะเร็งลำไส้ใหญ่ ถือว่าเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ หากตรวจเจอในระยะแรก ก่อนที่จะเป็นระยะลุกลาม นอกจากนี้การตรวจอื่นๆ ที่สามาถทดสอบเบื้องต้น ได้ คือ การตรวจอุจาระ หรือการตรวจค่าบ่งชี้มะเร็งจากเลือด
4.การตรวจสายตา
จากAmerican Academy of Ophthalmology แนะนำให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจสายตาประจำปี เพื่อประเมินการมองเห็น นอกจากนี้อายุที่เพื่มขึ้น ยัง เพื่อโอกาสในการเป็นโรคทางสายตา เช่น ต้อเนื้อ ต้อหิน หรือ ปัญหาสายตาอื่นๆ
5.การตรวจการได้ยิน
การสูญเสียการได้ยินมักเป็นส่วนหนึ่งของอายุ บางครั้งอาจเกิดจากการติดเชื้อหรือการรับยาในอดีตที่ผ่านมา โดยทุกๆ 2 ปีควรได้รับการตรวจการได้ยิน
สำหรับการตรวจการได้ยินนั้น จะตรวจระดับเสียงและระดับความเข้มเสียง เนื่องจากการสูญเสียการได้ยินส่วนใหญ่สามารถรักษาได้ แม้ว่าวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของการสูญเสียการได้ยิน
6. ความหนาแน่นของกระดูก
จากข้อมูลของInternational Osteoporosis Foundation พบว่า 75 ล้านคนได้รับผลกระทบจากโรคกระดูกพรุนในญี่ปุ่นยุโรปและสหรัฐอเมริกา ทั้งผู้หญิงและผู้ชายมีความเสี่ยงสำหรับโรคนี้ แต่ผู้หญิงมักมีภาวะกระดูกพรุนมากกว่า
สแกนความหนาแน่นของกระดูก เป็นการวัดมวลกระดูกซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของความแข็งแรงของกระดูก แนะนำให้ทำการสแกนกระดูกเป็นประจำหลังจากอายุ 65 ปีโดยเฉพาะกับผู้หญิง
7.การตรวจหาโรคเบาหวาน
ตามสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศอเมริกา American Diabetes Association พบว่า 29.1 ล้านคนของชาว อเมริกา เป็นโรคเบาหวานประเภท 2
และแนะนำให้ทุกคนควรได้รับการคัดกรอง เมื่ออายุ 45 ปี โดยทำได้ด้วยการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหรือตรวจเลือด A1C
8.การคัดกรองหามะเร็งเต้านม ด้วย แมมโมแกรม (Mammogram)
ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 45-54 ปีควรได้รับการตรวจเต้านม
ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 55 ปีควรทำการมะเร็งเต้านมด้วย การทำแมมโมแกรม ทุก 2 ปีหากคุณมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านม เนื่องจากประวัติครอบครัว แนะนำให้ทำการตรวจคัดกรองประจำปี
9.การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap smear)
ผู้หญิงหลายคนที่อายุ 65 ปีขึ้นไปอาจต้องทำการตรวจกระดูกเชิงกรานและ Pap smear การตรวจ Pap smears สามารถตรวจพบมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งในช่องคลอด นอกจากนี้ ยังช่วยประเมินเรื่องของภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน หรือ การปวดกระดูกเชิงกราน
10.การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก
มะเร็งต่อมลูกหมากที่เป็นไปได้สามารถตรวจพบได้โดยการตรวจทางทวารหนักหรือการตรวจหาค่าบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก PSAในเลือด โดยแพทย์แนะนำให้ ผู้ชายที่มีอายุ มากกว่า 50 ปี ควรได้รับการคัดกรอง
สำหรับคนที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหรือมีญาติใกล้ชิดที่เสียชีวิตจากโรค ควรได้รับการคัดกรองตั้งแต่อายุ 40 ถึง 45 ปี
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.healthline.com/health/senior-health-tests#prostrate-cancer-screening